ยกเครื่องท้องถิ่นไทย เปิดเกณฑ์ใหม่รางวัล GG Award 2569 เน้นนวัตกรรมและการมีส่วนร่วม

ปรับเกณฑ์ "รางวัลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569" ดันนวัตกรรมขึ้นมาชิงส่วนแบ่ง 40% เท่าการบริหารจัดการที่ดี พร้อมนำหลักการ 4CO วัดระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนตั้งแต่ร่วมคิด ร่วมทำ จนถึงร่วมลงทุน เปิดรับสมัครถึง 15 ม.ค. 69 | ที่มาภาพ: Raphael AI

คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ ก.ก.ถ. ประกาศหลักเกณฑ์การประเมินรางวัลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 อย่างเป็นทางการแล้ว โดยปีนี้มีการปรับโครงสร้างการให้คะแนนครั้งสำคัญที่สะท้อนทิศทางใหม่ของการพัฒนาท้องถิ่นไทย นั่นคือการยกระดับความสำคัญของ "นวัตกรรม" และ "การมีส่วนร่วมของประชาชน" ให้กลายเป็นหัวใจหลักของการประเมิน

รางวัลการบริหารจัดการที่ดีสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติระดับชาติที่ ก.ก.ถ. มอบให้มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เพื่อเชิดชูเกียรติคุณและประกาศยกย่ององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีผลสำเร็จในการบริหารและการจัดบริการสาธารณะ สามารถแก้ไขปัญหาและตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม ตลอดระยะเวลากว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา รางวัลนี้ได้กลายเป็นแรงจูงใจสำคัญที่กระตุ้นให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง

สิ่งที่น่าจับตามองในปีงบประมาณ 2569 คือการปรับสัดส่วนการให้คะแนนใหม่ที่แบ่งออกเป็นสามส่วนหลัก ได้แก่ การบริหารจัดการที่ดี 40 เปอร์เซ็นต์ นวัตกรรมท้องถิ่น 40 เปอร์เซ็นต์ และการกระจายอำนาจ 20 เปอร์เซ็นต์ การที่นวัตกรรมท้องถิ่นได้รับน้ำหนักเท่ากับการบริหารจัดการที่ดีถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่า ก.ก.ถ. ต้องการเห็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก้าวข้ามการทำงานแบบเดิมๆ ไปสู่การคิดค้นวิธีการใหม่ๆ ในการแก้ปัญหาและให้บริการประชาชน

ในส่วนของการบริหารจัดการที่ดีซึ่งคิดเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ของคะแนนทั้งหมดนั้น ประกอบด้วยตัวชี้วัด 7 ด้านที่ครอบคลุมมิติสำคัญของธรรมาภิบาลท้องถิ่น เริ่มจากตัวชี้วัดประชาธิปไตยท้องถิ่นและกระบวนการมีส่วนร่วม ความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์และแผนระดับต่างๆ สิทธิพลเมืองและความเสมอภาค กลไกตรวจสอบถ่วงดุล การส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยกันเองและภาคส่วนอื่น รวมถึงการประเมินตัวชี้วัดภายนอกที่นำผลคะแนน ITA และผลการประเมินมาตรฐานการจัดบริการสาธารณะมาใช้ประกอบการพิจารณา

'หลักการ 4CO' เปลี่ยนประชาชนจากผู้รับบริการเป็นหุ้นส่วนการพัฒนา

จุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดในเกณฑ์การประเมินปีนี้คือการนำหลักการมีส่วนร่วมเชิงกระบวนการที่เรียกว่า "4CO" มาเป็นกรอบในการประเมินตัวชี้วัดประชาธิปไตยท้องถิ่น หลักการนี้ประกอบด้วยสี่มิติที่เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ ได้แก่ Co-design หรือการออกแบบร่วมกัน Co-create หรือการสร้างสรรค์ร่วมกัน Co-manage หรือการจัดการร่วมกัน และ Co-contribute หรือการร่วมสมทบทรัพยากร

แนวคิด 4CO นี้สะท้อนการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญในปรัชญาการบริหารท้องถิ่นไทย จากเดิมที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำหน้าที่เป็น "ผู้ให้บริการ" และประชาชนเป็น "ผู้รับบริการ" ไปสู่รูปแบบใหม่ที่ทั้งสองฝ่ายกลายเป็น "หุ้นส่วน" ในการพัฒนาท้องถิ่นร่วมกัน การออกแบบร่วมกันหมายถึงการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนพัฒนาท้องถิ่นและการออกแบบบริการสาธารณะ ไม่ใช่เพียงแค่การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นแบบพิธีการ แต่ต้องเป็นกระบวนการปรึกษาหารือที่นำไปสู่การร่วมร่างแผนอย่างแท้จริง

การสร้างสรรค์ร่วมกันและการจัดการร่วมกันเป็นการยกระดับการมีส่วนร่วมไปอีกขั้น โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องแสดงให้เห็นว่าได้เปิดพื้นที่ให้ประชาชนเข้ามาลงมือทำจริง ไม่ว่าจะเป็นการเป็นอาสาสมัคร การร่วมดูแลพื้นที่สาธารณะ หรือการร่วมจัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งนี้เกณฑ์การประเมินระบุชัดเจนว่าการมีส่วนร่วมดังกล่าวต้องเป็นกลุ่มประชาชนทั่วไป ไม่นับรวมกลุ่มอาสาสมัครประจำอย่าง อสม. หรือ อพม. ที่มีบทบาทอยู่แล้วตามโครงสร้างปกติ

มิติสุดท้ายคือการร่วมสมทบทรัพยากร ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดที่ท้าทายที่สุด เพราะสะท้อนความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมของประชาชนที่มีต่อโครงการหรือกิจกรรมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อประชาชนพร้อมที่จะร่วมสมทบทุนหรือสนับสนุนอุปกรณ์ด้วยตนเอง นั่นหมายความว่าพวกเขาเห็นคุณค่าและรู้สึกว่าโครงการนั้นเป็นของพวกเขาอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงโครงการของราชการที่ถูกยัดเยียดลงมา

นอกจากหลักการ 4CO แล้ว เกณฑ์การประเมินยังให้ความสำคัญกับการแต่งตั้งตัวแทนภาคประชาชนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการติดตามและประเมินผลหรือคณะกรรมการตรวจสอบกิจการต่างๆ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นการสร้างกลไกถ่วงดุลอำนาจจากภายในที่มีประชาชนเป็นส่วนหนึ่ง สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประเภทโดดเด่นและดีเลิศที่เคยได้รับรางวัลมาก่อน ยังต้องแสดงให้เห็นว่าได้เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจว่าจะนำเงินรางวัลที่เคยได้รับไปใช้ประโยชน์ด้านใด ผ่านกระบวนการปรึกษาหารือ ประชามติ หรือประชาพิจารณ์

'นวัตกรรมท้องถิ่น' ไม่ใช่แค่ของใหม่ แต่ต้องแก้ปัญหาได้จริง

อีกครึ่งหนึ่งของการประเมินที่มีน้ำหนักเท่ากับการบริหารจัดการที่ดีคือนวัตกรรมท้องถิ่น ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งที่สมัครเข้ารับการประเมินต้องส่งโครงการนวัตกรรมจำนวน 1 โครงการ เกณฑ์การประเมินแบ่งนวัตกรรมออกเป็นสองลักษณะ คือนวัตกรรมแบบต่อยอดที่เกิดจากการปรับปรุงพัฒนาสิ่งที่มีอยู่เดิมให้ดีขึ้น และนวัตกรรมที่เป็นสิ่งใหม่ซึ่งแตกต่างจากแนวคิดหรือกระบวนการเดิมอย่างสิ้นเชิง

สิ่งที่น่าสนใจคือเกณฑ์การประเมินไม่ได้มองนวัตกรรมในมิติเดียว แต่จำแนกออกเป็นสี่ประเภทที่สอดคล้องกับภารกิจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ นวัตกรรมด้านการบริการสาธารณะที่มุ่งยกระดับประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของประชาชน นวัตกรรมด้านกระบวนการและการบริหารจัดการที่เน้นลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มความคล่องตัว นวัตกรรมด้านสังคมและการมีส่วนร่วมที่สร้างกลไกให้ประชาชนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนา และนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนที่มุ่งดูแลทรัพยากรธรรมชาติและลดมลพิษ

หลักเกณฑ์การประเมินโครงการนวัตกรรมประกอบด้วยห้าด้านหลัก เริ่มจากการระบุปัญหาได้ชัดเจนซึ่งต้องมีข้อมูลสนับสนุนและกระบวนการยืนยันความต้องการของประชาชน ตามด้วยความเป็นนวัตกรรมที่ต้องแสดงให้เห็นความคิดสร้างสรรค์ การมีผู้ใช้งานจริง และแนวโน้มในการขยายผล ความแตกต่างหรือต่อยอดจากเดิมที่ต้องอธิบายการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ผลลัพธ์และผลกระทบที่ต้องมีตัวชี้วัดครบทั้งผลผลิต ผลลัพธ์ และผลกระทบต่อชุมชน และสุดท้ายคือความยั่งยืนและการขยายผลที่ต้องมีการถอดบทเรียนและวางแผนต่อยอดในระยะยาว

เงื่อนไขสำคัญที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องทราบคือ สำหรับประเภทดีเลิศและโดดเด่น โครงการนวัตกรรมต้องริเริ่มและดำเนินการมาแล้วไม่เกิน 5 ปี และต้องไม่เคยได้รับรางวัลมาก่อน ส่วนประเภททั่วไปขยายเวลาเป็นไม่เกิน 7 ปี ทั้งนี้โครงการต้องดำเนินการแล้วเสร็จหรือเกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปีงบประมาณ 2568

การปรับเกณฑ์การประเมินในปีนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ของ ก.ก.ถ. ที่ต้องการเห็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทยเป็นมากกว่าหน่วยงานราชการที่ทำหน้าที่ตามระเบียบ แต่ต้องเป็นองค์กรที่มีชีวิต เปิดกว้างต่อการมีส่วนร่วม กล้าคิดกล้าทำสิ่งใหม่ และสามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่สนใจสมัครเข้ารับการประเมินสามารถยื่นใบสมัครออนไลน์พร้อมเอกสารประกอบได้ภายในวันที่ 15 มกราคม 2569 โดยใช้ข้อมูลผลการดำเนินงานของปีงบประมาณ 2568 เป็นหลักในการประเมิน


อ่านรายละเอียดและดาวน์โหลดใบสมัครเข้ารับการคัดเลือก อปท. มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ได้ที่นี่