ระบบการเลือกตั้งประธานาธิบดี (President) สหรัฐฯ

ประธานาธิบดี (President) ของสหรัฐอเมริกาต้องเป็นพลเมืองอเมริกันโดยกำเนิด อายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี และอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ มาไม่น้อยกว่า 14 ปี มีฐานะเป็นทั้งประมุขของรัฐ และหัวหน้าฝ่ายบริหาร โดยมีรองประธานาธิบดีอีกคนหนึ่งซึ่งมาจากการเลือกตั้งพร้อมกัน 

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ได้มีที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน หากแต่มาจากระบบเลือกตั้งโดยอ้อมผ่านทางคณะผู้เลือกตั้ง ประธานาธิบดีมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี และจะดำรงตำแหน่งนี้เกินกว่า 2 สมัยไม่ได้ หรือให้เป็นได้อย่างมากแค่ 2 สมัยเท่านั้น (22nd Amendment, 1951)

เมื่อชาวอเมริกันไปออกเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี หลายคนเชื่อว่าตนกำลังเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรง แต่ในทางทฤษฎีแล้วมิใช่เป็นดังที่เข้าใจกัน เนื่องจากระบบเลือกตั้งอเมริกันใช้คณะผู้เลือกตั้งเลือกประธานาธิบดี อันเป็นมรดกตกทอดมา นับตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 18 เมื่อครั้งตั้งประเทศใหม่

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นการเลือกตั้งผ่านการลงคะแนนเสียงของ “คณะผู้เลือกตั้ง” (Electoral College) ถูกจัดตั้งขึ้นตามมาตรา 2 อนุมาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งทาง “ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง” (Electors) ของแต่ละมลรัฐจะถูกคัดเลือกในระหว่างปีที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยวิธีการคัดเลือกนี้จะถูกกำหนดโดยกฎหมายของแต่ละมลรัฐ

เมื่อผู้มีสิทธิออกเสียงในแต่ละรัฐไปลงคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีในวันเลือกตั้ง ซึ่งตรงกับวันอังคารแรกถัดจากวันจันทร์แรกในเดือนพฤศจิกายนของทุกๆ 4 ปี (ในปี ค.ศ. ซึ่งหารด้วยเลขสี่ลงตัว) ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีที่ได้คะแนนเสียงสูงสุดในการลงคะแนนเสียงของผู้มีสิทธิออกเสียง (Popular Vote) ภายในแต่ละรัฐ จะได้รับคะแนนเสียงของผู้เลือกตั้ง (Electoral Vote) ในมลรัฐนั้นไปทั้งหมด โดยจำนวนผู้เลือกตั้งในแต่ละรัฐจะเท่ากับจำนวนรวมกันของวุฒิสมาชิกกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่รัฐนั้นๆ มีอยู่ในสภาคองเกรส ส่วนเขตเมืองหลวง District of Columbia ซึ่งไม่มีผู้แทนที่มีสิทธิออกเสียงในสภาคองเกรสจะมีคะแนนเสียงในคณะผู้เลือกตั้งนี้ด้วยจำนวน 3 เสียง

หลังจากนั้น คณะผู้เลือกตั้งจะร่วมประชุมกันเพื่อทำการเลือกประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ โดยที่จำนวนคณะผู้เลือกตั้งทั้งหมดมี 538 คน ผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีจะต้องได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งของคณะผู้เลือกตั้ง หรืออย่างน้อยที่สุด 270 เสียงขึ้นไป แม้ว่าในเบื้องต้นคณะผู้เลือกตั้งมีสิทธิพิจารณาเลือกประธานาธิบดีตามดุลพินิจของตน แต่วิวัฒนาการทางการเมืองต่อมาทำให้คณะผู้เลือกตั้งต้องยอมรับในกฎที่ว่าการลงคะแนนเลือกตั้งของคณะผู้เลือกตั้งต้องเป็นไปตามคะแนนเสียงข้างมาก (Simple Majority) ของประชาชนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ในช่วงประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาจึงแทบไม่เคยเกิดกรณีที่ผู้เลือกตั้งออกเสียงคัดค้านผู้ที่ชนะคะแนนเสียงเลือกตั้งของประชาชนส่วนใหญ่เกิดขึ้นมาก่อนเลย

ถ้าไม่มีผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใดได้รับคะแนนเสียงข้างมาก หน้าที่การเลือกประธานาธิบดีจะตกอยู่กับสภาผู้แทนราษฎร ส่วนกรณีตำแหน่งรองประธานาธิบดีให้วุฒิสภาทำหน้าที่ในการตัดสินใจเลือก อนึ่ง ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีจะต้องทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไปจากปีที่มีการเลือกตั้งนั้นเป็นที่เรียบร้อย